งานชิ้นที่ 1

บริษัท เสริมสุข จำกัด

ประวัติความเป็นมา
บริษัท เสริมสุข จำกัด ได้ก่อตั้งโรงงานขนาดย่อมแห่งแรกขึ้นบนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ณถนนสีลม และเริ่มเปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2496 เวลา 7.00 น. เครื่องดื่ม "เป๊ปซี่" ได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดเมืองไทย เพื่อสร้างความสดชื่นให้แก่คนไทยทั้ง ประเทศเป็นครั้งแรก ด้วยขวดขนาด 10 ออนซ์ ภายใต้คำขวัญโฆษณา "ดีมาก มากดี" (Quality Quantity)ก้าวสู่ผู้นำในตลาดน้ำอัดลม
              วันนี้ "เสริมสุข" คือบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มที่นำความสดชื่นครบวงจร มาสู่ชาวไทยทั่วประเทศ เราครองความเป็นผู้นำในตลาดน้ำอัดลมมาถึง 5 ทศวรรษ นับตั้งแต่วันแรกที่ "เป๊ปซี่" ขวดแรกได้ผลิตออกสู่ตลาดจากโรงงานสีลม ซึ่งมีกำลังการผลิตเพียงวันละ 20,000 ขวด จนถึงวันนี้ที่ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ และเครื่องดื่มแห่งความสดชื่นอีกมากมาย ถูกผลิตออกจากโรงงานของเสริมสุข 5 แห่ง สู่คลังสินค้าใน 40 จังหวัด เพื่อกระจายไปยังร้านค้าทุกระดับทั่วประเทศกว่า 300,000 แห่ง
50 ปีแห่งความเป็นที่หนึ่ง
               ตลอดเวลาที่ผ่านมา แทบจะพูดได้ว่าคนไทยทุกคนรู้จัก "เป๊ปซี่" ดี จนยากจะจินตนาการได้ว่า ครั้งหนึ่งเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ไม่เคยมีคนไทยคนใดรู้จักน้ำอัดลมชื่อนี้มาก่อนเลย ย้อนไปถึงอดีตในช่วงนั้น นับเป็นเรื่องยาก ที่ใครสักคนจะนำสินค้าน้ำอัดลมตัวใหม่จากต่างประเทศเข้ามาแนะนำให้คนไทย รู้จัก ยากเพียงใด ที่จะทำให้คนไทยสนใจและชื่นชอบ ยากเพียงใด ที่จะผลักดันให้สินค้าใหม่ตัวนี้ ให้ผงาดขึ้นสู่ตำแหน่งน้ำอัดลมที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง ยากเพียงใด ที่จะรักษาสถานภาพเป็นที่หนึ่งอยู่ในตลาดได้ ด้วยรสชาติต้นฉบับที่ไม่เคยเปลี่ยนสูตรแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเวลากว่า 50 ปี และยากเพียงใด ที่จะก้าวไกลไปกว่านั้น ถึงขั้นเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจรบริษัทแรกในประเทศไทย เติบโตอย่างมั่นคงและไม่หยุดยั้ง
จะ ยากลำบากเพียงใด แต่ความสำเร็จทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกลและความมุ่งมั่นเหนือธรรมดาของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่มารวมตัวกันภายใต้ชื่อว่า "บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)"ด้วยการดำเนินการอย่างมุ่งมั่น ส่งผลให้บริษัทเสริมสุขในปัจจุบันนี้ ได้เติบโต เป็นบริษัทที่ แข็งแกร่ง มีพนักงานกว่า 8,000 คน มีโรงงาน 5 โรง และ คลังสินค้า 46 แห่งกระจาย อยู่ทั่วประเทศ

วิสัยทัศน์และ พันธกิจ
ผู้นำในการเป็นบริษัท  ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  เครื่องดื่มครบวงจร
บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) คือบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มครบวงจรรายแรก  ที่นำความสดชื่นมาสู่ผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ และในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความเป็นผู้นำอันแข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่ม บริษัทฯ จึงได้วางนโยบายและการดำเนินตามที่กำหนดไว้ดังนี้
                        มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด  โดยการให้บริการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีที่สุด
                        - มองหาโอกาสในการเจาะตลาด และสถานที่ในการจัด จำหน่ายใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
                        - พัฒนาระบบปฏิบัติการ  องค์กร และบุคคลทุกคนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
                        พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเต็มที่ เนื่องจากความสำเร็จนั้นเกิดจากระบบการจัดการที่ยอดเยี่ยมของผู้จัดจำหน่ายเป็นหลัก

กฎบัตรคณะกรรมการ
คณะกรรมการบริษัท ของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าหลักธรรมภิบาลจะทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ดูแลให้บริษัทประสบความสำเร็จ โดยการกำหนดทิศทาง ทบทวน กำกับดูแล และแก้ไขประเด็นต่างๆ และ ประเมินการประปฏิบัติงานของบริษัท

บทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการของบริษัท
กลยุทธ์และแผนทางธุรกิจ
                        - ชี้ทางและทบทวนนโยบายและกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทตามที่ฝ่ายจัดการเสนอ ทบทวน
                        - แนะนำและอนุมัติวัตถุประสงค์ งบประมาณและแผนทางการเงินของบริษัท
                        - กำกับดูแลการนำกลยุทธ์ทางธุรกิจ นโยบาย และวัตถุประสงค์ทางการเงินไปใช้
        ทบทวนและอนุมัติโปรแกรมทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น

การปฏิบัติตาม
        - ทำให้แน่ใจและกำกับดูแลว่าบริษัทดำเนินงานตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด ตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัท และตามมติของการประชุมผู้ถือหุ้น
        ทำให้แน่ใจว่าการประชุมคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และข้อบังคับของบริษัท
        - แต่งตั้งและดูแลเลขานุการของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าจะให้ความช่วยเหลือและคำ แนะนำที่เชื่อถือได้ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการดูแลการปฏิบัติงานของบริษัท
        นำจรรยาบรรณและจริยธรรมไปใช้เป็นแนวทางสำหรับลูกจ้างของบริษัท และทำให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและจริยธรรมดังกล่าว
        - ทำให้แน่ใจว่าผลตอบแทนของคณะกรรมการบริษัทซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัตินั้น ได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่ในรายงานประจำปีของบริษัท
คณะกรรมการของบริษัท
        - ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตามระเบียบและแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดไว้
ตั้งคณะกรรมการอื่นๆ ดังต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยให้คณะกรรมการบริษัททำหน้าที่ได้บรรลุผล
(ก) คณะกรรมการสรรหาและกำกับดูแลกิจการ
(ข) คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทน
        - ตั้งนิยามและทบทวนบทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการที่คณะกรรมการบริษัทตั้งขึ้น
        ทำให้แน่ใจว่ามีการตั้งหน่วยตรวจสอบภายใน และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัททำหน้าที่อย่างมีประสิทธิผล
ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของประธานและซีอีโอ
                        - เลือกตั้งประธานกรรมการบริษัทจากกรรมการบริษัท
                        ตั้งเงื่อนไขสำหรับการแต่งตั้งประธานฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) รวมถึงค่าตอบแทน
                        - เลือก แต่งตั้งและให้คำแนะนำทั่วไปแก่ซีอีโอของบริษัทด้วย
                        - ทบทวนแผนการสืบต่อประธานและซีอีโอเป็นระยะๆ
การควบคุมดูแลฝ่ายจัดการ
                        - ควบคุมและกำกับดูแลการแต่งตั้งและแผนการสืบต่อฝ่ายจัดการอาวุโส
        - ทำให้แน่ใจว่าบริษัทมีฝ่ายจัดการที่มีความรู้และความชำนิชำนาญสูงในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
                        - จัดหาสิ่งสนับสนุนและแนวทางให้แก่ฝ่ายจัดการในการดำเนินงานของบริษัท
        - ทบทวนรายงานของฝ่ายจัดการในด้านการดำเนินงานของบริษัทเปรียบเทียบกับแผนและการเติบโตในช่วงปีที่ผ่านมา
        - ทำให้แน่ใจว่ามีตัวบ่งชี้การปฏิบัติงานที่เข้ากันได้กับฝ่ายจัดการ และมีปฏิสัมพันธ์กับฝ่ายจัดการเป็นระยะๆ ด้วย
การประเมินการปฏิบัติงาน
        - กำหนดวิธีดำเนินการและมาตรฐานสำหรับประเมินการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและฝ่ายจัดการ
                        - ทบทวนและประเมินการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและฝ่ายจัดการเป็นระยะๆ
        - ประเมินการปฏิบัติงานของประธานและซีอีโอเป็นประจำทุกปีเทียบกับวัตถุประสงค์ที่ตกลงไว้

ความรับผิดชอบอื่นๆ
                        - ช่วยเหลือและกำกับดูแลการสรรหาและการปฐมนิเทศกรรมการบริษัทและฝ่ายจัดการใหม่
                        - เปิดเผย กำกับดูแลและแก้ไขประเด็นผลประโยชน์ขัดกันที่อาจเกิดขึ้น
                        - ทำให้แน่ใจว่าบริษัทนำหลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาใช้
        - ทบทวนกิจกรรมของคณะกรรมการบริษัท จัดลำดับความสำคัญ และสร้างกลยุทธ์เพื่อทำให้ การปฏิบัติงานดีขึ้นเป็นระยะๆ
        - ทบทวนและกำกับดูแลคำแถลงต่อสาธารณชนเพื่อเพิ่มและปกป้องภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบริษัท
        - ทำให้แน่ใจว่าสิทธิและธุระของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอ
        - ทบทวนและอนุมัติการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างองค์กรในบริษัทรวมถึงการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์
                        - การรวมเข้าด้วยกันหรือการได้มาโดยบริษัท
        - ทบทวนและอนุมัติประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเงินปันผล สิทธิเลือกซื้อหุ้น และหลักทรัพย์ของบริษัท
        - ทำให้แน่ใจว่ามีการทำบัญชีที่แม่นยำและเป็นจริงโดยสัมพันธ์กับจำนวนเงินที่บริษัทได้รับและใช้ไป และสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท
                        - ทำให้แน่ใจว่ามีระบบและการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลในการประเมิน
                        - กำกับดูแลและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่อาจเกิดขึ้น
        - กำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทเพื่อทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นสูงสุด
บทบาทและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายในบริษัท

1.แผนกบัญชี
               ในการบริหารธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายของกิจการ (มีกำไรสูงสุด) จำเป็นต้องอาศัยระบบบัญชีต้นทุน การวิเคราะห์ต้นทุนและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุนไม่ให้เกิดการสูญเปล่าหรือรั่วไหลการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่าล้วนแต่อาศัย ข้อมูลด้านต้นทุน ทั้งสิ้นดังนั้น ตัวเลขที่ถูกต้องแม่นยำและทันเหตุการณ์เท่านั้นที่จะมีชัยเหนือ คู่แข่งได้ สถาบันจึงได้จัดหลักสูตรนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านผู้เข้าสัมมนาได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงในทางปฏิบัติ 
ปัญหาแผนกบัญชี
1. เอกสารต่าง ๆ มีจำนวนมาก 2.  ค้นหาเอกสารได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ3. เอกสารสูญหายเพราะ เอกสารมีมาก และจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้4.  การทำงบประมาณการเงินทำได้ยาก เพราะเอกสารมีจำนวนมากและจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ5. การอนุมัติงบประมาณเป็นไปอย่างล่าช้า6. มีบกพร่องในการตรวจสอบบัญชี7.ต้นทุนสูงงบประมาณต่ำ
2.แผนกขนส่งและการกระจายสินค้า

มีหน้าที่ ขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าให้ตรงตามเวลา และสถานที่ที่กำหนด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ โดยรับสินค้าจาก ฝ่ายผลิตและคลังสินค้า

ปัญหาการขนส่งและกระจายสินค้า
1.การขนส่งเป็นไปอย่างล่าช้า
2.พนักงานขาดความชำนาญทาง
3.ที่อยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

      3. แผนกควบคุมคุณภาพและบุคคล
ระบบการกำกับกระบวนการหรือกิจกรรมให้มีคุณภาพตามที่กำหนด โดยใช้กระบวนการตรวจสอบ (Inspection) ทดสอบ (Testing) และทวนสอบ (Verification) ว่าผลที่ได้ ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์หรือผลของการให้บริการนั้นเป็นไปตามข้อกำหนด ถ้าพบสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบกพร่องก็ต้องกำหนดปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action) เพื่อแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบกพร่องและกำจัดสาเหตุที่มาของสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบกพร่องนั้น การจัดการดูแล งานด้านการบริหารบุคคลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับพนักงาน การคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน การลงโทษนักงาน ในองค์กร
ปัญหาแผนกควบคุมคุณภาพ
1.บุคลากรไม่เพียงพอ
2.การบริการล่าช้า
3.เอกสารมีจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการจัดเก็บ
4.การค้นหาเอกสารเป็นไปได้ยาก เนื่องจากไม่มีการจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ

4.แผนกคลังสินค้าและผลิตสินค้า
มีหน้าที่ในการตรวจสอบสินค้าและรับข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า จากแผนกขายสินค้าเพื่อส่งไปยังแผนกจัดส่งสินค้าการจัดการสินค้าการส่งสินค้าไปยังจุดจ่ายทันทีที่รับสินค้าโดยไม่เก็บสต๊อกในคลังทำให้สินค้าของลูกค้าเคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตสินค้าภายในบริษัท
ปัญหาคลังสินค้าและผลิต             1.คลังพัสดุไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บในช่วงเดือนเทศการ             2.ฝ่ายจัดหาอุปกรณ์ไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ที่ตรงต่อความต้องการ             3.คลังสินค้าไม่ทราบจำนวนสินค้าภายในคลังอาจยังไม่ขนมาแต่มีการบันทึกลงในรายการเรียบร้อยแล้วทำให้เช็คยอดยาก
            4.สี ลวดลาย และขนาด ของชิ้นงานที่ทำไม่ได้ตามปริมาณคุณภาพที่ลูกค้ากำหนด           5.ข้อมูลมีความแตกต่าง เพราะ บางครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลต่าง ๆ เช่น
                         
5.1.มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของลูกค้า เช่น การย้ายที่อยู่อาศัย, การเปลี่ยนแปลง  เบอร์โทรศัพท์

5.แผนกขาย
มีหน้าที่ในการบริการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า  โดยแผนกขายจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาสั่งซื้อ  และข้อมูลการสั่งซื้อ

ปัญหาภายใน

1.เอกสารต่าง ๆ มีจำนวนมาก เอกสารต่าง ๆ มีดังนี้1.1 เอกสารข้อมูลลูกค้า1.2 เอกสารการสั่งซื้อสินค้า1.3 เอกสารการขาย รวมถึงรายละเอียดของตัวสินค้าที่ขาย1.4 รายละเอียดการรับประกันของสินค้า

2.  เอกสารต่าง ๆ ถูกค้นหาได้ยาก เพราะการจัดเก็บที่ไม่เป็นระเบียบ

3. ข้อมูลมีความแตกต่าง เพราะ บางครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลต่าง ๆ เช่น

3.1 มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของลูกค้า เช่น การย้ายที่อยู่อาศัย, การเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์

4. ข้อมูลเกิดการซ้ำซ้อน เพราะ บางครั้งลูกค้า 1 ท่าน อาจซื้อสินค้า หลายครั้ง และฝ่าย ขายมีการเก็บข้อมูลทุกครั้ง เอกสารจึงเกิดความซ้ำซ้อน

6.แผนกจัดซื้อ
มีหน้าที่จัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนหรือวัสดุต่างๆที่หน่วยงานต้องการให้ตรงกับความต้องการทั้งในด้านปริมาณคุณภาพ และเวลา โดยให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด
ปัญหาของแผนกจัดซื้อ
1.วัตถุดิบ ชิ้นส่วนต่างๆ ที่หน่วยงานต้องการ บางอย่างจัดหาไม่ได้ตามที่กำหนด
2.วัตถุดิบ ชิ้นส่วนต่างๆบางชิ้นนั้นไม่ได้ตามปริมาณและคุณภาพที่กำหนด
3.วัตถุดิบ ชิ้นส่วนต่างๆบางชิ้นมีราคาแพงและในการจัดส่งต้องเสียค่าจัดส่งสินค้าด้วย
4.เวลาในการสั่งของสินค้าและได้รับนั้น ไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
ปัญหาระหว่างแผนก
ปัญหาระหว่างบัญชีกับจัดซื้อ
1.การอนุมัติสั่งซื่อล่าช้าทำให้ฝ่ายจัดซื้อเสียเวลาในการหาอุปกรณ์
2.ต้นทุนในการซื้อสินค้าในการขนส่งสูง รายได้ต่ำ
3.ฝ่ายจัดซื้อไม่แจ้งจำนวนเงินในการจำหน่ายสินค้าให้ฝ่ายบัญชีและการเงินทราบ ทำให้ฝ่ายบัญชีและการเงินไม่สามารถจัดทำงาบประมาณการเงินได้
ปัญหาระหว่างคลังและการขนส่ง
1.การปฏิบัติงานไม่ต่อเนื่อง
2.การจัดหมวดหมูในคลังไม่เป็นระบบทำให้การขนส่งกระจายสินค้าทำได้อย่างล่าช้า
ปัญหาระหว่างฝ่ายซ่อมบำรุงและความปลอดภัยกับธุรการบุคคลและจัดซื้อ

1.ฝ่ายติดตั้งซ่อมบำรุงขาดประสบการณ์ในการทำงาน เพราะฝ่ายบุคคลไม่จัดการอบรมการทำงานให้กับบุคคลากรในฝ่ายนี้

2.ฝ่ายติดตั้งและซ่อมบำรุงไม่เพียงพอในการทำงานเพราะไม่มีการแจ้งให้ฝ่ายบุคคลากรทราบว่าต้องการบุคลลากรเพิ่ม

ปัญหาระหว่างฝ่ายระหว่างบริการต้นทุน งบประมาณและรายได้และคลังสินค้า

1.ฝ่ายคลังสินค้าไม่ได้แจ้งยอดการคลังสินค้าให้แผนกบัญชีทราบ  ฝ่ายบัญชีก็ไม่สามารถทำงบการเงินได้  เพราะจะต้องทราบยอดการขนส่งในแต่ละงวด

ปัญหาระหว่างบัญชีและฝ่ายขนส่ง

1.ถ้าฝ่ายจัดส่งสินค้าไม่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า  แล้วไม่แจ้งการชำระเงินของลูกค้าให้ฝ่ายบัญชีทราบ ฝ่ายบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าชำระเงินแล้ว

ปัญหาระหว่างแผนกควบคุมคุณภาพและบุคคลกับฝ่ายผลิต
1.ถ้าแผนกควบคุมคุณภาพตรวจพบ ปัญหาที่ชิ้นงานที่ฝ่ายผลิตทำ แผนกควบคุมคุณภาพก็จะต้องตีชิ้นงานนั้นกลับไปให้ฝ่ายผลิตทำใหม่ จึงทำให้การดำเนินการผลิตนั้นเป็นไปอย่างล่าช้าไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด

ปัญหาระหว่างแผนกขายกับแผนกจัดส่งสินค้า
1.ถ้าแผนกขายทำเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าหายจะทำให้แผนกจัดส่งสินค้าไม่ทราบว่าจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าไม่ได้ ไม่รู้สถานที่จัดส่งสินค้า เวลาในการนัดรับสินค้าไม่ตรงตามที่ระบุ

ปัญหาระหว่างฝ่ายซ่อมบำรุงและความปลอดภัยกับลูกค้าสัมพันธ์และระบบคุณภาพ

1.ฝ่ายซ่อมไม่ตรวจสอบคุณภาพของยานพาหนะที่ใช่ในการขนส่งทำให้พัสดุลูกค้าเกิดความเสียหาย

ปัญหาทั้งหมดและระบบแก้ไขปัญหา
1. เอกสารมีจำนวนมาก  ทำให้การจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ                                                        
2. สิ้นเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร  เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3. ค้นหาเอกสารได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีเยอะและจัดเก็บไว้หลายที่
4. ข้อมูลมีการสูญหาย  เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเอกสารที่ต้องการอยู่ตรงไหน  เนื่องจากการเก็บเอกสารยังไม่เป็นระบบ  อาจทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
                5. ข้อมูลมีความซ้ำซ้อน  เนื่องจากลูกค้า 1 ท่านมาซื้อสินค้าหลายครั้ง  แต่พนักงานขายก็เก็บข้อมูลทุกครั้งทำให้มีเอกสารซ้ำซ้อน
6. การตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินทำได้ช้า ไม่สะดวกรวดเร็ว
7. ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้น  เนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้
8. ข้อมูลสินค้าสูญหายทำให้จำนวนสินค้าภายในคลังสินค้าอาจไม่พอหรือว่ามีจำนวนสินค้ามากเกินไป  เนื่องจากไม่สามารถเช็คได้ว่าในคลังสินค้ามีจำนวนสินค้าอยู่เท่าไร
9. ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องมีการค้นหาข้อมูลลูกค้าก่อน
10. ข้อมูลมีความแตกต่าง  เช่น  ลูกค้ามีที่อยู่หลายที่ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจัดส่งสินค้าให้ที่ใด
11. พบข้อบกพร่องของชิ้นงานที่ทำ เช่น สินค้าที่ทำออกมาไม่ตรงไปตามแบบที่ลูกค้ากำหนด
12. ปริมาณและคุณภาพของสินค้าไม่ได้ตามที่กำหนด
13. วัตถุดิบ ชิ้นส่วนต่างๆบางชิ้นมีราคาแพง
14. ระยะเวลาในการรับสินค้าที่สั่ง ไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
15. อุปกรณ์บางชิ้นนำไปใช้แล้วเกิดการชำรุดเสียหาย
16. อุปกรณ์ยืมไปไม่ได้คืน
17. ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงนั้นบางอย่างก็ไม่ตรงตามที่กำหนด
18. แบบสิ้นค้าไม่ถูกใจลูกค้า
19. ระยะเวลาในการออกแบบชิ้นงานไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
20. สินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่ลูกค้ากำหนด
21. แผนกขายทำเอกสารในการสั่งซื้อสูญหาย แผนกบัญชีจะไม่ทราบยอดการสั่งซื้อ
22. แผนกขายทำเอกสารใบชำระเงิน  ของลูกค้าสูญหายแผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าจ่ายเงินหรือยัง
23. แผนกขายได้ขายสินค้าไปโดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินไม่เท่ากัน
24. แผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้า ทำให้เมื่อแผนกขายจะขายสินค้าก็จะไม่ทราบว่าสินค้ามีจำนวนเพียงพอกับการขายหรือไม่
25. แผนกขายไม่ได้ส่งยอดการสั่งซื้อและการสั่งจองในบางกรณีของลูกค้าให้แผนกคลังสินค้าทราบ  ทำให้แผนกคลังสินค้าไม่ทราบว่าจะต้องมีการสั่งซื้อสินค้ามาเพิ่มหรือไม่  เพื่อให้เพียงพอสำหรับการขาย
26. แผนกขายทำเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าหายจะทำให้แผนกจัดส่งสินค้าไม่ทราบว่าจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าไม่ได้ ไม่รู้สถานที่จัดส่งสินค้า เวลาในการนัดรับสินค้าไม่ตรงตามที่ระบุ
27. แผนกคลังสินค้าไม่ได้แจ้งยอดการคลังสินค้าให้แผนกบัญชีทราบ  แผนกบัญชีก็ไม่สามารถทำงบการเงินได้  เพราะจะต้องทราบยอดสินค้าคงเหลือของแต่ละงวด
28. แผนกจัดส่งสินค้าไม่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า  แล้วไม่แจ้งการชำระเงินของลูกค้าให้แผนกบัญชีทราบ  แผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าชำระเงินแล้ว
29. แผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้า  ว่ามีพอสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือไม่  แผนกจัดส่งสินค้าก็อาจจะไม่มีสินค้าไปจัดส่งให้กับลูกค้า
30. แผนกควบคุมคุณภาพตรวจพบ ปัญหาที่ชิ้นงานที่ฝ่ายผลิตทำ แผนกควบคุมคุณภาพก็จะต้องตีชิ้นงานนั้นกลับไปให้ฝ่ายผลิตทำใหม่ จึงทำให้การดำเนินการผลิตนั้นเป็นไปอย่างล่าช้าไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด
31. แผนกซ่อมบำรุง อุปกรณ์เครื่องมือหมดต้องไปสั่งซื้อที่แผนกจัดซื้อ แผนกจัดซื้ออุปกรณ์บางชิ้นไม่สามารถหาซื้อได้ และระยะเวลาในการสั่งซื้ออุปกรณ์นั้นๆ กินเวลาพอสมควร
32. แผนกซ่อมบำรุงเข้าไปดำเนินการซ่อมบำรุง ฝ่ายผลิตก็จะไม่มีเครื่องมือผลิต จึงทำให้ยอมในการผลิตสินค้านั้นลดน้อยลงทำให้ไม่ได้ตามเป้าที่กำหนด ส่งผลให้การผลิตนั้นไม่เสร็จตรงตามระยะเวลาที่ต้องส่งสินค้าให้กับลูกค้า
33. ถ้าแผนกจัดซื้อไม่มีรายการสินค้าที่จะซื้อให้กับแผนกบัญชีก็จะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินออกมาซื้อสินค้าได้
ลักษณะของสถานประกอบการหรือแหล่งที่มาของรายรับ-รายจ่าย
รายรับที่ทางบริษัทได้รับคือ ได้จากการขายสินค้าต่าง ๆของบริษัทให้กับลูกค้า
รายจ่ายของทางบริษัทเกิดจากรายจ่ายต่าง ๆ ดังนี้
-    การจ่ายเงินของพนักงานในบริษัท
-  การซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงานที่ใช้ในการผลิต
-  การชะรำค่าน้ำมันในการขนส่ง
-  การจัดหาซื้ออุปกรณ์ในการผลิต การติดตั้งและการซ่อมบำรุง
-  การจัดหาอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ของบริษัท

วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบใหม่
เป็นการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการจัดการและแก้ไขปัญหาในระบบการทำงานแบบเดิม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อให้มีความสะดวกและรวดเร็วกว่าระบบงานเดิม
2. เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ จัดเก็บ ค้นหาข้อมูลและลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
3. เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจัดการในฝ่ายต่าง ๆ ของบริษัท
4. เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง และเชื่อถือได้

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.  การทำงานจะมีความสะดวกและรวดเร็วกว่าระบบงานเดิม
2.  ไม่เกิดการซ้ำซ้อนของข้อมูลเพราะมีการจัดการ จัดเก็บ ข้อมูลที่ดีกว่าเดิม
3.  สามารถแก้ไขปัญหาในด้านต่าง  ๆ ของแต่ละแผนกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.  ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงาน

ขอบเขตในการพัฒนาระบบ
            
1. ระบบการจัดการสินค้า
               
2.ระบบการผลิตสินค้า
              
3.ระบบการพัฒนาบุคคลากร
               
4.ระบบบัญชี

ขั้นตอนที่ 1
การค้นหาและเลือกสรรโครงการและการประเมินความต้องการของบริษัท
ตารางแสดงรายการการทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทั้งหมดของบริษัท
หน้าที่
(Function)
            หน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
                  (Data Entities)
                ระบบสารสนเทศ
              (Information System)
   1.  เก็บข้อมูลลูกค้า
   1.  ลูกค้า
   1.  ระบบการขาย
   2.  การขายสินค้า
   2.  ใบสั่งซื้อสินค้า
   2. ระบบการผลิตสินค้า
   3.  การสั่งจองสินค้า
   3.  ใบจองสินค้า
   3. ระบบพัฒนาบุคคลากร
   4.  การรับประกันสินค้า
   4.  เอกสารการขาย
   4. ระบบบัญชีและการเงิน
   5.  การผลิตสินค้า
   5.  ใบประกันสินค้า
  
   6.  การคงคลังสินค้า
   6.   สินค้า

   7.  การจัดหาวัสดุ
   7.   วัตถุดิบ

   8.  การคัดสรรบุคคลากร
   8.   พนักงาน

   9.  การอบรมพนักงาน
   9.   บัญชีรายรับ

   10. การจัดสรรงบประมาณ
   10. บัญชีรายจ่าย

   11. การตรวจสอบรายรับและรายจ่าย


   12. การจ่ายเงินเดือนพนักงาน


   13. ค่าโบนัสพนักงาน































ตารางที่  1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่และหน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
แสดงการจำแนกกิจกรรม (Activities) ของหน้า ที่การทำงาน (Functions) ในบริษัท
 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่และหน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
  
ตารางสรุปการพิจารณาของโครงการพัฒนาระบบ
                                                                
สรุปการพิจารณาของโครงการพัฒนาระบบ
จากการพิจารณาโครงการทั้ง 8 โครงการตามวัตถุประสงค์ ขนาดโครงการและ ผลประโยชน์ จะพบว่าโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์ และให้ผลประโยชน์แก่บริษัท มากที่สุด คือโครงการระบบจัดการตารางเวลา บริษัทจึงเห็นควรเลือกโครงการระบบจัดการตารางเวลา ซึ่งเป็นระบบที่ครอบคลุมส่วนงานเพื่อจัดสรรเวลาในการทำงานของแต่ละแผนกให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดไม่ก่อให้เกิดปัญหาการทำงานล่าช้าในแต่ละแผนก เพราะเมื่อแผนกใดแผนกหนึ่งทำงานล่าช้ากว่ากำหนด อีกแผนกจะไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ และยังสามารถสร้างผลกำไร สรร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นโครงการขนาดกลางที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก
1.ค้นหาโครงการที่ต้องการพัฒนา
จากการค้นหาโครงการของแผนกต่าง ๆ  สามารถรวบรวมโครงการพัฒนาระบบได้ทั้งหมด  4 
โครงการดังนี้
ชื่อโครงการ
                ฝ่าย
1.โครงการพัฒนาระบบจัดสรรงบประมาณของบริษัท
แผนกบัญชี
2. โครงการพัฒนาระบบการผลิตและคลังสินค้า
แผนกคลังสินค้า
3.  โครงการพัฒนาระบบการขาย
แผนกขาย
4. โครงการพัฒนาบุคลากรในการทำงาน
แผนกบุคคล











ตารางที่ 2  การกำหนดชื่อโครงการ
2.  จำแนกและจัดกลุ่มโครงการที่ค้นหามา
โครงการทั้ง 4 ที่สามารถค้นหามาได้ มีวัตถุประสงค์ของโครงการที่แตกต่างกันดังนี้
-           โครงการพัฒนาระบบจัดสรรงบประมาณของบริษัท
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทมีงบประมาณที่ใช้อย่างเหมาะสม และสามารถทราบยอดรายรับ-รายจ่าย ของบริษัทเพื่อทราบต้นทุนกำไรของบริษัทได้
                           
การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน
แนวทางเลือกเพื่อนำระบบใหม่มาใช้งาน โดยจะบอกถึงรายระเอียดของระบบที่จะพัฒนามีดังนี้ ระบบจัดเก็บเอกสาร  ระบบการเงิน  ระบบคลังสินค้า  ระบบขนส่ง  ระบบตรวจสอบสินค้า  ระบบจัดซื้อ  ระบบจัดเก็บอุปกรณ์  ระบบจัดการตารางเวลา โดยมีแนวทางเลือกจำนวนทั้งสิน 2 ทางเลือก
1.จ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
2.ให้ทีมงานของเราพัฒนาระบบเอง
ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ

ลักษณะของสถานประกอบการหรือแหล่งรายรับ-รายจ่าย

เป้าหมาย
นำระบบสาระสนเทศมาใช้เพื่อบริหารเวลาการทำงานในบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำงานและบริหารเวลาในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบใหม่
เป็นการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการจัดการและแก้ไขปัญหาในระบบการทำงานแบบเดิม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อให้มีความสะดวกและรวดเร็วกว่าระบบงานเดิม
2. เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ จัดเก็บ ค้นหาข้อมูลและลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
3. เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจัดการในฝ่ายต่าง ๆ ของบริษัท
4. เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง และเชื่อถือได้
ขอบเขตในการพัฒนาระบบ

        1.ระบบการจัดการสินค้า

        2.ระบบการผลิตสินค้า3.ระบบการพัฒนาบุคคลากร4.ระบบบัญชี

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.  การทำงานจะมีความสะดวกและรวดเร็วกว่าระบบงานเดิม
2.  ไม่เกิดการซ้ำซ้อนของข้อมูลเพราะมีการจัดการ จัดเก็บ ข้อมูลที่ดีกว่าเดิม
3.  สามารถแก้ไขปัญหาในด้านต่าง  ๆ ของแต่ละแผนกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.  ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงาน
ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
            ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับมอบหมาย    อาจจะเป็นบุคคลที่มีความรู้ในด้านของระบบที่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่ทำงานอยู่ในบริษัทหรือทางบริษัทจ้างให้ทำการวิเคราะห์ระบบ  ซึ่งบุคคลจะต้องดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการดูแลระบบ  เช่น 

1.นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ  เป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องของการทำงานของระบบสารสนเทศที่นำมาใช้   ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ  ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูลและติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้  พนักงานหรือทีมโปรแกรม  จำทำเอกสารของระบบรวมถึงการทดสอบโปรแกรมของระบบ    และอื่น ๆ   ที่เกี่ยวข้อง

2.โปรแกรมเมอร์   ได้แก่  เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ 2 คน  ทำหน้าที่ในการเขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง  รวมทั้งทดสอบโปรแกรมของระบบใหม่ 

ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
            จากดังกล่าวเราอาจจะมีการแบ่งงานออกเป็นทีมหรือว่ามีการระบุหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายหรือแต่ละคนทราบ  เพื่อที่งานจะประสบผลสำเร็จ  ปัจจุบันทางบริษัทได้มีการใช้ระบบเครือข่าย  LAN  อยู่แล้วหรือเครือข่ายที่มีความเร็วสูงกว่านี้  มีรายละเอียดพอเข้าใจดังนี้
          1.  เครื่องแม่ข่าย(Server)                  จำนวน 5 เครื่อง
          2. เครื่องลูกข่าย(Workstation)        จำนวน 50  เครื่อง
          3.  เครื่องพิมพ์(Printer)                    จำนวน  10 เครื่อง
ปัจจุบันทางบริษัทได้นำเทคโนโลยีหลายอย่างมาใช้ในการบริหารงาน  ซึ่งปัจจุบันมีรายละเอียดดังนี้
1.ระบบโปรแกรม  1  ระบบ
2.เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายตามจำนวนที่บริษัทต้องการ
3.บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำงานของโปรแกรม
4.อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบ
ทรัพยากร
จำนวน
บุคลากรที่มีความรู้ด้านโปรแกรม

-                   นักวิเคราะห์ระบบ
-                   โปรแกรมเมอร์
1
3
อุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์

-อุปกรณ์ทางฮาร์ดแวร์
    *  คอมพิวเตอร์
    *  อุปกรณ์ต่อพ่วง
-ซอฟต์แวร์
    *  โปรแกรมที่นำมาใช้

5-10 เครื่องหรือมากกว่านั้น
5-10 ชุดตามความเหมาะสม

1-2 โปรแกรมแล้วแต่ระบบที่ใช้




















สรุปงบประมาณที่ใช้ในของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้

1.  ในส่วนของผู้บริหาร
                -  ค่าตอบแทนสำหรับทีมงานพัฒนา
                               - นักวิเคราะห์และออกแบบระบบโปรแกรมเมอร์       75000
2.  แผนกทุกแผนกที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ
                -  ค่าการฝึกอบรมพนักงานใหม่เกี่ยวกับระบบใหม่                     30000
3. การจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ   
                 -  เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่ใช้ในการลงระบบ         50000   
                 -  อื่น ๆ                                                                                                10000   


ประมาณการใช้งบประมาณ

            จากรายการดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ  ที่ทางองค์กรจ่ายในการปรับปรุงระบบ   ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ที่ใช้เพราะในแต่ละองค์กรจะมีหลายแผนกในการทำงานและงานในแต่ละระบบจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก  ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่เท่ากัน
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาในการดำเนินงานการวิเคราะห์ระบบของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการนำระบบมาใช้ในการทำงานในส่วนของระบบจัดการตารางเวลาเพื่อความสะดวกในส่วนของการทำงานภายในบริษัท ซึ่งก่อนที่จะได้เริ่มทำงานนั้นเราจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาถึงขั้นตอนต่าง ๆ  เป็นระยะเวลาประมาณ  5 เดือน  คือ เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม  2554  ซึ่งสามารถแสดงรายละเอียดการดำเนินงานได้ดังนี้
รายการที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ระบบการขายสินค้า
ศึกษาข้อมูลจากบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)
ที่
รายการ
มิ.ย.
ก.ค.
ส.ค.
ก.ย.
ต.ค.
1.
กำหนดระบบที่ต้องการพัฒนาใหม่
X




2.
วิเคราะห์ระบบ
X




3.
ศึกษาข้อมูลระบบของบริษัท
X
X



4.
กำหนดปัญหาและความต้องการของระบบใหม่

X



5.
ออกแบบระบบ

X



6.
ออกแบบฟอร์มและรายการต่าง ๆ

X
X


7.
ออกแบบฐานข้อมูล


X
X

8.
นำเสนอข้อมูล



X

9.
พัฒนาและติดตั้งโปรแกรมและเขียนโปรแกรม



X
X
10
ทดสอบโปรแกรม นำเสนอในรูปรายงานเอกสาร




X
11
ติดตั้งระบบ   สรุปผลและนำเสนอโครงการ



































จากดำเนินการดังกล่าวระยะเวลาที่ใช้จริง ๆ ในการวิเคราะห์อาจจะไม่พอแต่เพื่อเป็นการสรุปอย่างคร่าว ๆ ว่าเราได้ดำเนินการอะไรไปบ้างและระบบใหม่ที่ได้จะเสร็จภายในกี่วัน  ซึ่งเราก็ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว
รายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหาร
จากการศึกษาปัญหาที่พบจากระบบเดิมของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ส่วนใหญ่บริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แล้วบางส่วนแต่บางระบบก็ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น  ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการจัดทำระบบใหม่ขึ้น  เมื่อเราทำการวิเคราะห์ระบบแล้วขั้นตอนต่าง ๆ ที่เราได้ทำก็จะจัดทำรายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหารเพื่อให้ทราบขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ซึ่งจะมีขั้นตอนประกอบย่อย ๆเพื่อความเข้าใจง่าย 2 ด้านดังนี้
·       ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค  
ในส่วนนี้อาจจะเกี่ยวกับ  ฮาร์ดแวร์  และซอฟต์แวร์ขอระบบเดิมว่ามีการใช้ส่วนใดบ้าง เช่น โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้งานในด้านต่าง ๆ และอุปกรณ์อื่น  

2.ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน
ทำการศึกษาด้านต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของผู้ใช้ของระบบใหม่ที่จะนำมาใช้กับบริษัท ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกี่ยวกับการทดสอบ  การทดลองของระบบว่าระบบใหม่นี้มีผลต่อการทำงานของบริษัทอย่างไร
จากการทำงานของนักวิเคราะห์ระบบผลที่ได้ประสบผลสำเร็จระบบที่ได้เป็นที่ตรงตามความต้องการของบริษัท
ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
เมื่อโครงการพัฒนาระบบจัดการตารางเวลา ได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา ดั้งนั้นจึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม  ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้ ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม (Questionnaire)

ออกแบบสอบถาม (Questionnaire)
บุคคลผู้ตอบแบบสอบถามคือผู้จัดการแผนกต่างๆ  การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์ ไม่ต้องมีกาจดบันทึก ไม่รบกวนเวลาทำงานของผู้จัดการแผนกต่างๆมากนัก สามารถเก็บข้อมูลได้มากตามการตั้งคำถามในแบบสอบถาม อีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูล   
-โครงการพัฒนาระบบการผลิตและคลังสินค้า
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทมีจำนวนสินค้าที่เหมาะสมแก่การจำหน่าย โดยมีการเก็บข้อมูลจากฝ่ายขาย ว่าบริษัทมีการประมาณการจำหน่ายสินค้าอย่างไรและนำมาทำการ วิเคราะห์เพื่อผลิตสินค้า และคงคลังให้พอเหมาะ ซึ่งจะทำให้สามารถคาดคะเนการผลิตได้ถูกต้อง
-โครงการพัฒนาระบบการขาย
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การทำงานของบริษัทมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายละเอียดลูกค้า รายละเอียดการขายสินค้า รวมถึงการบริการต่าง ๆ  แล้วทำการกระจายข้อมูลไปยังฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลในส่วนนั้น ๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-โครงการพัฒนาบุคลากรในการทำงาน
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง และมีการอบรม สัมมนาให้บุคลากรทำงานในหน้าที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้บริษัทมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของโครงการทั้ง  4  แล้ว  พบว่าล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์กับบริษัทจึงจำเป็นต้องคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทมากที่สุด  ดังนั้นจึงเริ่มต้นด้วยการนำโครงการทั้ง 4 มาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อค้นหาโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด  และสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัทได้  ดังรายละเอียดของตารางต่อไปนี้
วัตถุประสงค์(Objectives)
ระบบบัญชี
ระบบการผลิตและคลังสินค้า
ระบบการขาย
ระบบพัฒนาบุคคลากร
1.เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าให้มากขึ้น

X

2.เพื่อขยายกิจการ
X

X
3.เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ของบริษัท
X
X
X
X
4.เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานตารางที่  3  จำแนกวัตถุประสงค์ของบริษัท
X
X
X
X



















ชื่อ Field
ชนิดข้อมูล
คำอธิบาย
ID_Em
varchar(20)
รหัสพนักงาน
ID_Bd
varchar(20)
รหัสหัวหน้าแผนก
ID_Mg
varchar(20)
รหัสผู้บริหาร
ID_Pro
varchar(20)
รหัสสินค้า
Name_Em
varchar(20)
ชื่อพนักงาน
Name_Pro
varchar(20)
ชื่อสินค้า
Department
varchar(20)
แผนก
Timestart
varchar(20)
เวลาเริ่ม
Timeend
varchar(20)
เวลาสิ้นสุด

















ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากแผนกต่างๆ ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้
                                1. ข้อมูลระบบการทำงานของแต่ละแผนก
                                2. ความเหมาะสมของเวลาการทำงานต่อคนต่องาน
                                3. ระยะเวลาของแต่ละส่วนงานที่ได้รับ

ความต้องการของระบบใหม่ของผู้ใช้
จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม จังได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ตามความต้องการดังนี้
 1. สามารถเรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
 2. สามารถแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลได้โดยสะดวก
 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
 4.การจัดทำรายงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว สามารถแบ่งการทำงานดังนี้
                ระบบการจัดการตารางเวลา เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและก่อให้เกิดผลกำไรต่อบริษัทมากที่สุด เพราะระบบจะทำการตรวจเช็คเวลาสินค้าที่ผลิตออกมาเวลามีระยะเวลาการทำงานเท่าไร เริ่มต้นและสิ้นสุดเท่าไร ทำให้สามารถผลิตสินค้าเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไม่เกิดปัญหาต่อลูกค้าและบริษัท จึงก่อให้เกิดผลดีและกำไรสูงสุด

Level 1 ระบบขายสินค้า

Level 2 รับคืนสินค้า
Level 2 รับสินค้า
Level 2 จ่ายชำระหนี้
Level 2 พิมพ์รายงาน
E-R Diagram

 
ชื่อ Field
ชนิดข้อมูล
คำอธิบาย
ID_Em
varchar(20)
รหัสพนักงาน
ID_Bd
varchar(20)
รหัสหัวหน้าแผนก
ID_Mg
varchar(20)
รหัสผู้บริหาร
ID_Pro
varchar(20)
รหัสสินค้า
Name_Em
varchar(20)
ชื่อพนักงาน
Name_Pro
varchar(20)
ชื่อสินค้า
Department
varchar(20)
แผนก
Timestart
varchar(20)
เวลาเริ่ม
Timeend
varchar(20)
เวลาสิ้นสุด

 

 

User interface

 
 
 


1. ฟอร์มการสั่งซื้อสินค้า
- การสั่งซื้อสินค้า กรอบข้อมูลของลูกค้า 
- ใส่เลขที่ใบสั่งซื้อ และวันที่ที่สั่งซื้อ
- ระบบจะปรากฏข้อมูลที่สั่งซื้อออกมา
- จะรวบรวมจำนวนเงินของสินค้า
- ถ้าข้อมูลถูกต้องให้คลิกที่ ตกลง
2. ฟอร์มการคืนสินค้า
- ระบบจะกำหนดเลขที่รับคืน
- ระบุวันที่ที่คืนสินค้า
- เลือกประเภทของสินค้าที่ต้องการคืน
- กรอบข้อมูลของลูกค้า ระบุจำนวนชิ้น
- ค่าปรับจะปรากฏขึ้นมา
- ยืนยันการทำระบบ


3.ฟอร์มการชำระหนี้
- กรอบวันที่ในการชำระหนี้
- ค้นหาชื่อลูกค้าที่ต้องการชำระหนี้
- ระบุข้อมูลต่าง ๆ ของการขาย และจำนวนเงินที่ชำระ
- ระบุชื่อพนักงานที่รับชำระ และบันทึก

4.ฟอร์มใบเสร็จรับเงิน
- รับรหัสสินค้า
- รับจำนวนที่ขาย
- หากต้องการเปลี่ยนแปลงราคาสามารถดูได้จากปุ่มดูราคาแล้วทำการเปลี่ยนแปลงในช่องราคาหน่วยได้
-  บันทึกรายการนั้น
- ทำการบันทึกรายการสินค้าที่ซื้อจนครบทุกรายการแล้วทำการรวมจำนวนเงินทั้งสิ้น
- บันทึกการขาย
- ถ้าไม่ต้องการขายให้ยกเลิกการขายสินค้าได้
- สินค้าใดมีจำนวนเท่ากับจุดสั่งซื้อมีคำเตือนและสามารถเลือกที่จะสั่งซื้อได้หรือไม่
- ออกจากการทำงาน